1 พฤศจิกายน 2554

ไม่ได้เข้ามานานเท่าไหร่แล้วนะ
ไม่ได้ดูเลยด้วยซ้ำว่ามีใครแวะเวียนเข้ามาบ้างไหม
น่าสงสารนะ บล๊อกนี่กลายเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ของคนจิตใจอ่อนไหว
ทั้งๆที่มันสามารถให้คุณค่าได้มากกว่านั้น

แปลกดีเหมือนกัน
ทำไมในวันที่ฉันรู้สึกว่าเรื่องราวมันยุ่งเหยิง และฉันก็คิดว่ามันจะสามารถผ่านไปได้
กลับมามีเรื่องที่ยุ่งเหยิงยิ่งกว่า จนเกิดคำถามว่าฉันยังสามารถผ่านมันไปได้ไหม

เวลาที่เราพูดถึงความสุข เวลาที่เราบอกว่า เรามีความสุขที่สุด
นั่นเพราะเรารู้อยู่แล้วใช่ไหมว่า มันจะจบแค่ความสุขตรงนั้น
ฉันยอมรับ ว่าฉันได้ถลำลึกมากเกินไป
ฉันมัวเมากับความสุขนั้นมากจนเกินขอบเขตที่ตัวเองเคยตั้งไว้
สติที่เคยเตือนฉันอยู่เสมอมันหายไปตอนไหน
ไม่สิ ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายผลักไสมันออกไปเอง

แล้วทันทีที่มีความทุกข์ มันก็เลยถาโถมเข้ามาขนาดนี้
มันก็คงเหมือนมวลน้ำที่ท่วมประเทศเราอยู่มั้ง
มันคงมหาศาลมาก จนคันกั้นน้ำตาของคนๆนึงแตกจนได้
บ้าพอแล้วรึยังเนี้ย

ตอนนี้ฉันพยายามนั่งนึกถึงวันเก่าๆ
วันที่แสนเศร้า ว่าฉันผ่านมันมาได้อย่างไร
ฉันต้องยึดอะไร ฉันต้องคิดยังไง หรือทำยังไงไม่ให้คิด
ฉันเคยผ่านมันมาได้ครั้งนึง
ฉันคงสามารถผ่านมันไปได้อีกทีล่ะน่า

นั่งคิดกับตัวเอง แบบนี้มันเหมือนพระเจ้ากลั่นแกล้ง
ไม่สิ พระองค์คงกำลังทดสอบอะไรบางอย่างอยู่
หากเรามีความเชื่อมากพอ ศรัทธามากพอ เราก็จะสามารถผ่านมันไปได้
ฉันเชื่อในความรักของตัวเองมากน้อยแค่ไหน
ตอนนี้ คงถึงเวลาที่ฉันจะได้พิสูจน์มันแล้วสินะ

Rabi_Angel่mon

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

Perfect Smile :D

ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ค่ะ มีเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พอดีวันนี้นึกขึ้นได้ ว่าอยากจะลองดูงานวิจัยที่อยากทำค่ะ
เป็นเรื่องเกี่ยวกับรอยยิ้ม
หลายๆคนคงแปลกใจ ว่าเรื่องของรอยยิ้มมันมีอะไรน่าสนใจหรอ
เราคงปฏิเสธไม่ได้หรอกเน๊อะ ว่าสิ่งทีสามารถสร้างความประทับใจแรกนั่น
รอยยิ้มก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถก่อให้เกิดความประทับใจได้เช่นกัน
หลายคนบอกว่า ยิ้มอย่างไรก็ได้ ขอให้มีความจริงใจก็พอ
ช่ายแล้วค่ะ ความจริงใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า
แต่ไม่ว่าจะยังไง เราลองมาดูกันไหมคะว่า
perfect smile ในสายตาของคุณหมอฟัน เป็นยังไงกันบ้าง


...........................................

นักวิจัยเผยสูตรสำเร็จเคล็ดยิ้มสวย

เดลิเมล์ - ยิ้มเจิดจ้าอาจเป็นสูตรสำเร็จของดาราฮอลลีวูด
แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ แค่รอยยิ้มสว่างไสวคงยังไม่พอ

นักวิจัยคิดค้นสูตรรอยยิ้มสุดเพอร์เฟ็กต์ โดยนำปัจจัยต่างๆ มาคำนวณหาผลลัพธ์
ไม่ว่าจะเป็นขนาดและความกว้างของฟันแต่ละซี่ สี รูปทรงของฟัน
หรือกระทั่งความกว้างของริมฝีปาก

ในส่วนสีนั้น นักวิจัยสรุปว่า สีขาวสว่างไสวไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
แต่ฟันควรขาวในระดับเดียวกับตาขาวของคนๆ นั้น
ไม่เช่นนั้นรอยยิ้มจะโดดเด่นเกินไปจนบดบังเครื่องเคราอื่นๆ บนใบหน้าไปหมด

“หนึ่งในจุดที่เป็นที่สังเกตจากรอยยิ้มก็คือสี คนมากมายชอบไปฟอกฟันขาว
และบ่อยครั้งที่ทำแล้วออกมาขาวผิดธรรมชาติ
ฟันควรมีสีเดียวกับนัยน์ตาขาว แต่ถ้าขาวกว่านั้น จะดึงความโดดเด่นไปจากดวงตา”
ดร.นิโคลัส เดวิส จากคณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยโลมา ลินดาในแคลิฟอร์เนีย
ซึ่งเป็นผู้นำการวิจัย อธิบายและเสริมว่า เจสสิกา ซิมป์สัน มีรอยยิ้มสมบูรณ์แบบที่สุด

รายงานของดร.เดวิสที่ตีพิมพ์อยู่ในวารสารเดนทัล คลินิกส์ ออฟ นอร์ท อเมริกา แจกแจงว่า
สูตรรอยยิ้มสมบูรณ์แบบมาจากชุดอัตราส่วนทางคณิตศาสตร์
กล่าวคือ รอยยิ้มในอุดมคติจะต้องกว้างไม่เกินครึ่งหนึ่งของความกว้างของใบหน้า
ขณะที่ริมฝีปากล่างและบนควรสมดุลกัน
ฟันบนต้องเด่นกว่า ขณะที่ฟันล่างโผล่ให้เห็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
และฟันทั้งหมดที่โชว์ต่อสายตาผู้พบเห็น ต้องเรียงตรงและไม่มีร่องรอยของการอุดถอน

ขนาดของฟันต้องลดหลั่นกันจากฟันซี่กลางเข้าไปหาฟันกรามต้องมีขนาดเล็กลง
เรื่อยๆ ฟันที่อยู่ทั้งสองข้างของฟันซี่กลางควรมีขนาด 61.8% ของฟันซี่กลาง
และซี่ถัดไปมีขนาด 61.8% ของฟันที่อยู่ข้างซี่กลาง
โดยฟันซี่กลางนั้นต้องมีความกว้าง 80% ของความสูง

และที่จะลืมไม่ได้อีกอย่างคือ ควรยิ้มให้เห็นเหงือกน้อยที่สุด
ถ้าไม่อยากให้ใครมองว่าคุณเหมือนแก้วหน้าม้า

แหล่งข่าว : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
โพสต์เมื่อ : 2007-12-02
..............................................

credit : http://www.healthcorners.com/new_read_news.php?id=3609

ปล. สัดส่วนดังกล่าว ก็คือ ค่า Phi ที่เราๆรู้จักกันในนาม golden ratio นั่นแหละค่ะ