1 พฤศจิกายน 2554

ไม่ได้เข้ามานานเท่าไหร่แล้วนะ
ไม่ได้ดูเลยด้วยซ้ำว่ามีใครแวะเวียนเข้ามาบ้างไหม
น่าสงสารนะ บล๊อกนี่กลายเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ของคนจิตใจอ่อนไหว
ทั้งๆที่มันสามารถให้คุณค่าได้มากกว่านั้น

แปลกดีเหมือนกัน
ทำไมในวันที่ฉันรู้สึกว่าเรื่องราวมันยุ่งเหยิง และฉันก็คิดว่ามันจะสามารถผ่านไปได้
กลับมามีเรื่องที่ยุ่งเหยิงยิ่งกว่า จนเกิดคำถามว่าฉันยังสามารถผ่านมันไปได้ไหม

เวลาที่เราพูดถึงความสุข เวลาที่เราบอกว่า เรามีความสุขที่สุด
นั่นเพราะเรารู้อยู่แล้วใช่ไหมว่า มันจะจบแค่ความสุขตรงนั้น
ฉันยอมรับ ว่าฉันได้ถลำลึกมากเกินไป
ฉันมัวเมากับความสุขนั้นมากจนเกินขอบเขตที่ตัวเองเคยตั้งไว้
สติที่เคยเตือนฉันอยู่เสมอมันหายไปตอนไหน
ไม่สิ ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายผลักไสมันออกไปเอง

แล้วทันทีที่มีความทุกข์ มันก็เลยถาโถมเข้ามาขนาดนี้
มันก็คงเหมือนมวลน้ำที่ท่วมประเทศเราอยู่มั้ง
มันคงมหาศาลมาก จนคันกั้นน้ำตาของคนๆนึงแตกจนได้
บ้าพอแล้วรึยังเนี้ย

ตอนนี้ฉันพยายามนั่งนึกถึงวันเก่าๆ
วันที่แสนเศร้า ว่าฉันผ่านมันมาได้อย่างไร
ฉันต้องยึดอะไร ฉันต้องคิดยังไง หรือทำยังไงไม่ให้คิด
ฉันเคยผ่านมันมาได้ครั้งนึง
ฉันคงสามารถผ่านมันไปได้อีกทีล่ะน่า

นั่งคิดกับตัวเอง แบบนี้มันเหมือนพระเจ้ากลั่นแกล้ง
ไม่สิ พระองค์คงกำลังทดสอบอะไรบางอย่างอยู่
หากเรามีความเชื่อมากพอ ศรัทธามากพอ เราก็จะสามารถผ่านมันไปได้
ฉันเชื่อในความรักของตัวเองมากน้อยแค่ไหน
ตอนนี้ คงถึงเวลาที่ฉันจะได้พิสูจน์มันแล้วสินะ

Rabi_Angel่mon

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

ไอ้เหม็นของฉัน

มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่นั้น ไม่สามารถทราบได้ แต่นับตั้งแต่จำความไ้ด้ก็รู้สึกว่าขาดมันไม่ได้เลย
ถ้าถามว่า อะไรคือของรักที่สุด แทบไม่ต้องใช้เสี้ยววินาทีในการคิดเลย
ใช่แล้ว มันก็คือ "ไอ้เหม็น"

ฉันไม่รู้ว่าฉันติดมันตั้งแต่เมื่อไหร่
ก็เหมือนลีโอนาโด ดิคาปิโอไม่รู้ว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในฝันตั้งแต่ตอนไหนในหนัง Inception
แต่ที่แน่ๆ ฉันขาดมันไม่ได้เลยจริงๆ

ตอนเรียนอนุบาล จำได้เลยว่าแอบเอาไอ้เหม็นใส่กระเป๋าหนังสือไปโรงเรียนด้วย
เด็กอนุบาลต้องนอนกลางวัน..
ตอนนอนกลางวัน ฉันก็จะเอาไอ้เหม็นมาบี้ๆๆ...แล้วก็ครอกฟี้ไปเลย
พอเริ่มโตมาสักนิด ไอ้เหม็นกลับกลายเป็นหมือนปมด้อยของฉัน
เวลาเอาไปไหนด้วย ก็ชอบมีคนแซว ก็พวกผู้ใหญ่นั่นแหละ
แซวแล้วก็หัวเราะ ชอบใจกันเอง แต่ไม่ใช่กับฉันเลยสักนิด
ฉันแค่เอาไอ้เหม็นมาบี้ๆๆเวลาออกไปกินข้าวข้างนอก
ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้เอาไปคลุมหัวใครซักหน่อย
ไม่เห็นจะต้องพูดให้มันดูเหมือนเป็นของน่ารังเกียจเลย
พอโตมากขึ้นถึงวัยทำงาน
ทีนี้ "ไอ้เหม็น" ไม่เคยห่างตัวฉันเลย
ข้อดีของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือ เราทำอะไรก็ได้ที่เราอยากทำ
ฉันสามารถพกไอ้เหม็นไปเที่ยวต่างจังหวัด ดูหนัง ฟังเพลง กินข้าว
แม้กระทั่งตอนขับรถ ฉันพามันไปได้ทุกที่เลย

ไอ้เหม็น มีมาหลาย generation แล้ว
ที่มาของมัน แม่ฉันบอกว่า น่าจะมาจากเมื่อก่อนแม่ฉันชอบใส่ชุดนอนผ้าลื่นๆ
เวลาฉันนอนข้างๆแม่ ก็ชอบไปจับชายกระโปรงลื่นๆ จับๆๆลื่นๆๆๆแล้วก็หลับสบาย
ไม่แน่ว่านั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นก็ได้นะ
ไ้อ้เหม็นรุ่นแรก ก็นั่นแหละ ชุดนอนแม่
จับๆๆบี้ๆๆ ยึดเลย ไม่ให้แม่เอาไปซักด้วยนะ แหกปากร้องแน่นอน
และนั่นก็เป็นที่มาของชื่อ "ไอ้เหม็น"
คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ เพราะก็สมชื่ออ่ะนะ
ไอ้เหม็นรุ่นชุดนอนแม่อยู่กับฉันนานมาก
จำไม่ได้ว่าแม่เอาไปทิ้งเมื่อไหร่ แต่ที่รู้ก็คือ ร้องไห้...นานมากกกกกก

มีช่วงหนึ่งที่ฉันไม่มีไอ้เหม็นคู่กาย
ฉันกลายเป็นเด็กปกติ แต่ฉันจำช่วงชีวิตตอนนั้นไม่ได้เลย
ฉันจำไม่ได้ว่าตอนไม่มีไอ้เหม็นฉันทำอะไร
ความทรงจำฉัน จำได้แต่ตอนที่ฉันยังมีไอ้เหม็นอยู่

การแสวงหาไอ้เหม็นที่ดี ที่เหมาะกับเรา ไม่ใช่เรื่องง่าย
ก็อย่างที่ฉันบอก ไอ้เหม็นของฉันมีหลาย generation ถ้านับแล้วก็น่าจะถึงสิบ
ไอ้เหม็นรุ่นปัจจุบันนี้ ฉันเลยตั้งใจว่าจะดูแลมันอย่างดี
ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยล่ะ
...........................................................................................................
ฉันพูดถึงมันทำไมหน่ะหรอ
ความรักของฉัน เปรียบเหมือนไอ้เหม็น.....
.
.
.
มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่นั้น ไม่สามารถทราบได้ แต่นับตั้งแต่จำความรู้สึกนี้ไ้ด้ก็ขาดมันไม่ได้เลย
ถ้าถามว่า อะไรคือของรักที่สุด แทบไม่ต้องใช้เสี้ยววินาทีในการคิดเลย
ใช่แล้ว สิ่งนั้นก็คือ "คนที่ฉันรัก"

ฉันไม่รู้ว่าฉันติดเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
ก็เหมือนลีโอนาโด ดิคาปิโอไม่รู้ว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในฝันตั้งแต่ตอนไหนในหนัง Inception
แต่ที่แน่ๆ ฉันขาดเขาไม่ได้เลยจริงๆ

ตอนคบกันแรกๆ จำได้เลยว่าฉันต้องแอบซ่อนความรู้สึกดีๆที่มีต่อเขา เพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียด
เย็นย่ำหลังทำงาน เรากลับมาคุยโทรศัพท์กัน
ตอนเราคุยโทรศัพท์ ฉันก็ได้ซึมซับความรู้สึกดีๆเหล่านี้ของความรัก...แล้วก็ครอกฟี้ไปเลย
พอเริ่มคบกันมาได้สักพัก ความรักของฉันกลับกลายเป็นเหมือนปัญหาหน่อยๆกับฉัน
คนที่ฉันรัก มักจะกลัวว่าเค้าไม่เหมาะสม ไม่คู่ควร เป็นเหมือนจุดด้อยในชีวิตฉัน
เวลาไปไหนมาไหนกัน เขาก็ชอบตำหนิตัวเขาเอง
คนอื่นอาจจะมองว่าไม่เหมาะสม ไมู่่คู่ควร แต่ไม่ใช่กับฉันเลยสักนิด
ฉันแค่อยากจะรัก อยากจะไปไหนมาไหนกับคนที่ฉันรัก
ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้เอาแฟนไปเที่ยวต่อยใครซักหน่อย
ไม่เห็นจะต้องพูดให้เขาดูเหมือนเป็นนักเลงหัวไม้เลย
พอเราคบกันนานขึ้น จนถึงทุกวันนี้
ทีนี้ "คนที่ฉันรัก" เราแทบไม่เคยห่างกันเลย
ข้อดีของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือ เราทำอะไรก็ได้ที่เราอยากทำ
ฉันสามารถไปไหนมาไหนกับเขาได้ทุกที่ ไม่ว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัด ดูหนัง ฟังเพลง กินข้าว
แม้กระทั่งตอนขับรถ(เช้าๆ) ฉันสามารถอยู่กับเขาได้ตลอดเวลา

ความรักของฉัน มีมาหลายครั้งแล้ว
ที่มาของความเชื่อในความรักของฉัน อาจจะเริ่มมาจากการอ่านการ์ตูนตาหวาน
ความรักในหนังสือ มันช่างหอมหวานซะจริงๆ
ไม่แน่ว่านั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นก็ได้นะ
รักครั้งแรก เริ่มไม่ค่อยสวย จบไม่ค่อยดีเท่าไหร่
จะดีได้ไง ก็รักเขาข้างเดียว
ฉันเก็บความรู้สึกนั้นไว้นานมาก
ฉันจำได้ว่าพอรุกเข้าหน่อย เขาก็ตีตัวออกห่าง
พร้อมกับบอกว่ารักไม่ได้จริงๆ และแน่นอนว่าฉันนอนร้องไห้ทั้งคืน

มีช่วงหนึ่งที่ฉันไม่ได้มีความรัก
ฉันกลายเป็นคนธรรมดา แต่ฉันจำช่วงชีวิตตอนนั้นไม่ได้เลย
ฉันจำไม่ได้ว่าตอนไม่มีความรักฉันทำอะไรได้บ้าง
ความทรงจำฉัน จำได้แต่ตอนที่ฉันยังมีสิ่งที่เรียกว่าความรักอยู่

การแสวงหาความรักที่ดี ที่เหมาะกับเรา ไม่ใช่เรื่องง่าย
ก็อย่างที่ฉันบอก ความรักของฉัน มีมาหลายครั้งแล้ว ถ้านับแล้วก็น่าจะสักสาม
คนรักคนปัจจุบันนี้ ฉันเลยตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะดูแลเขาอย่างดี
ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยล่ะ....
 ...........................................................................................................

ฉันบี้ไอ้เหม็นตั้งแต่จำความได้จนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือเกิน 20 ปีมาแล้ว
แต่ฉันยังไม่รู้สึกเบื่อไอ้เหม็นเลย
และแน่นอน ฉันก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อคนรักของฉันเลย

บางวันไอ้เหม็นไม่ลื่น บางวันมันหอมจากการที่แม่เอาไปซัก บางวันหมาที่บ้านเอามันไปกัดจนมันเหม็นเกินไป
ฉันก็ยังรักมัน และพร้อมที่จะเอานิ้วไปจับ ไปบี้มันเสมอ

บางวันคนรักของฉันหงุดหงิด ฉุนเฉียว ฉันทำอะไรก็ไม่สบอารมณ์ ติสท์แตก
ฉันก็ยังรักเขา และพร้อมที่จะโอบกอดเขาไว้เสมอ

ฉันรักไอ้เหม็นที่มันลื่นๆเหลือบๆยังไง ฉันก็รักคนรักของฉันไม่ต่างกัน....

5 ความคิดเห็น:

  1. ปรบมือครับ

    เขียนดีครับ เขียนได้น่ารักและไหลลื่นดี

    สะท้อนความคิดผ่านการเปรียบเทียบได้เห็นภาพ อมยิ้มไปกับความรู้สึกดีๆที่ได้อ่าน

    ผู้เขียนคงเป็นคนอารมณ์ดีแจ่มใส มันสะท้อนออกมาในมุมมองและวิธีคิด สะท้อนออกมาในงานเขียนนะครับ

    อ่านแล้วรู้สึกสนุกไปกับเรื่องราว รู้จักการเปรียบเทียบภาพเดิมด้วยการแทนที่ภาพใหม่

    น่ารักครับ น่ารัก

    ชอบครับ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากๆค่ะ กำลังใจดีขึ้นเยอะเลย

    แนวคิดอาจจะดูดี แต่ถ้อยคำอาจต้องปรับปรุง

    ค่อยๆพัฒนากันไปเน๊อะ ^^

    บทความนี้เพิ่งคิดออกตอนไปงานวัเกิดแม่ค่ะ

    อยู่ๆก็แวบเข้ามาในสมอง กลับบ้านมาก็เลยต้องรีบปั่นงานเลย

    ขอบคุณมากๆนะคะ จากใจจริง ดีใจมากๆเลยที่มีคนชอบ

    ตอบลบ
  3. น่ารักครับ เป็นเรื่องที่ดี เป็นการเริ่มต้นที่ดีในการเขียนอะไรสักอย่าง

    เริ่มจากความคิดของเรา แล้วต่อยอดเป็นความคิดอื่นๆออกมา

    ดีครับดีๆ

    พยายามเข้าละ

    ผมเชื่อว่าทุกคนมีเรื่องให้เขียนอยู่แล้วครับ หากเราใช้ชีวิต เราก็มีเรื่องราวมากมายให้เขียนถึง

    เราอาจเขียนเรื่องเดิม แต่เปลี่ยนมุมมองก็ได้นะ..

    ^ ^

    สุ้ๆครับ

    มองชีวิตให้สดใส

    ชีวิตมีด้านดีๆมากมายให้เขียนถึงเสมอครับ

    ตอบลบ
  4. ชอบค่ะ อ่านแล้วยิ้มได้ ใช้การเปรียบเปรยที่อ่านแล้วเข้าใจไม่ยาก
    ชอบเขียนเหมือนกันค่ะ ก็เลยเป็นคนชอบอ่านด้วย ยังไงก็มีมาเรื่อยๆนะคะ
    เป็นกำลังใจค่ะ

    --from Finland

    ตอบลบ
  5. ^ ^ ดีใจจังเลย ที่มีคนเข้ามาอ่านด้วย แถมได้คอมเม้นอีกต่างหาก
    เลยรีบมาตอบเลย ขอโทดนะคะที่ไม่ได้เข้ามานาน
    มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในชีวิต

    ตอนนี้ก็พยายามเขียนโน้นเขียนนี้ นิดหน่อยๆ ตามกำลังจะไหว
    พอรู้สึกว่ามีคนเข้ามาอ่าน ชักอยากลงเรื่องเยอะๆแล้วสิ
    ถ้ามีเว็บเพจก็แลกเปลี่ยนกันได้นะคะ

    ขอบคุณมากๆค่ะ เป็นกำีลังใจได้ดีจริงๆ

    ตอบลบ